หมวกนิรภัยเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยปกป้องศีรษะจากอันตรายในงานที่มีความเสี่ยง เช่น โรงงานหรือไซต์ก่อสร้าง การเลือกหมวกที่เหมาะกับงานจะช่วยให้คุณปลอดภัยและทำงานได้อย่างมั่นใจ บทความนี้จะแนะนำวิธีเลือกหมวกนิรภัยให้เหมาะสมในแบบเข้าใจง่าย!
หมวกนิรภัยมีหลายแบบ แต่ละแบบเหมาะกับงานต่างกัน
Hard Hat: หมวกแข็งสำหรับงานหนัก ป้องกันวัตถุตกหล่นหรือการกระแทก มีแบบ Class G (ป้องกันไฟฟ้าทั่วไป) และ Class E (ป้องกันไฟฟ้าแรงสูง)
Bump Cap: หมวกน้ำหนักเบา ป้องกันการกระแทกเบาๆ เหมาะกับงานในพื้นที่แคบ
หมวกเฉพาะทาง: เช่น หมวกทนความร้อนสำหรับงานดับเพลิง หรือหมวกที่มีสายรัดสำหรับงานบนที่สูง
งานก่อสร้างหรือโรงงานหนัก
เลือก Hard Hat ที่ทำจากพลาสติก ABS หรือ HDPE ทนแรงกระแทกได้ดี ควรมีสายรัดคางเพื่อความมั่นคง หมวกที่ผ่านมาตรฐาน ANSI Z89.1 หรือ EN 397 เหมาะกับงานที่มีความเสี่ยงจากวัตถุตกหล่น
งานไฟฟ้า
ถ้าทำงานกับระบบไฟฟ้า เช่น ช่างไฟในโรงงาน เลือกหมวก Class E ที่ป้องกันไฟฟ้าได้ถึง 20,000 โวลต์ หลีกเลี่ยงหมวกที่มีชิ้นส่วนโลหะ เพราะอาจนำไฟฟ้า
งานในพื้นที่แคบ
ในงานที่ไม่มีความเสี่ยงจากวัตถุหนัก เช่น โกดังหรือคลังสินค้า Bump Cap เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะเบาและระบายอากาศได้ดี
หมวกนิรภัยที่ดีต้องผ่านมาตรฐานสากล เช่น ANSI Z89.1 หรือ EN 397 ตรวจสอบสติกเกอร์ภายในหมวกเพื่อยืนยันคุณภาพ นอกจากนี้ หมวกควรสวมสบาย:
ขนาด: ปรับสายรัดให้กระชับ ไม่หลวมหรือคับเกินไป
น้ำหนัก: เลือกหมวกน้ำหนักเบาเพื่อลดอาการเมื่อย
การระบายอากาศ: หมวกที่มีช่องระบายอากาศช่วยลดความร้อน
อย่าติดสติกเกอร์หรือเจาะหมวก เพราะอาจลดความแข็งแรง
เปลี่ยนหมวกทันทีหากผ่านการกระแทกหนัก
อย่าสวมหมวกนิรภัยทับหมวกอื่น เช่น หมวกแก๊ป
การเลือกหมวกนิรภัยต้องดูประเภทงาน มาตรฐานความปลอดภัย และความสบาย Hard Hat เหมาะกับงานหนัก ส่วน Bump Cap เหมาะกับงานเบา เลือกหมวกที่ได้มาตรฐานและเหมาะสม เพื่อความปลอดภัยและความมั่นใจในทุกการทำงาน!
หมวกนิรภัยปีกรอบMagnum ปรับหมุน สีรวม
สอบถามราคาเพิ่มเติม
หมวกนิรภัย Proguard ปรับเลือน สีเหลือง
สอบถามราคาเพิ่มเติม
หมวกนิรภัยทรงญี่ปุ่น ABS ชนิดปรับเลื่อน ยี่ห้อ R-Antinoc
สอบถามราคาเพิ่มเติม
หมวกนิรภัยปีกหน้า ABS ชนิดปรับหมุน ยี่ห้อ M-MAX
สอบถามราคาเพิ่มเติม
หมวกนิรภัยปีกหน้า HDPE มอก. ชนิดปรับหมุน ยี่ห้อ R-Antinoc
สอบถามราคาเพิ่มเติม